รู้หรือไม่ ต่อมปล่อยกลิ่นของสุนัขอยู่บริเวณไหนบ้าง?
กลิ่นตัวของน้องหมาเป็นปัญหากวนใจอันดับต้นๆ สำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขไว้ในบ้าน หรือพาสุนัขขึ้นรถ หลายคนจัดการแก้ปัญหาด้วยการอาบน้ำให้พวกเขาเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่ทว่ากลิ่นตัวก็มักกลับมาอีกหลังจากอาบน้ำเสร็จได้ไม่นาน แถมยังทิ้งกลิ่นติดไว้บนโซฟา เตียง ที่นอนให้หนักใจ โดยกลิ่นที่ติดตามเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้เราสามารถกำจัดได้โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นบนผ้า แอมบิเพอร์ สูตร แอนตี้ แบคทีเรีย เพื่อขจัดกลิ่นที่เกิดจากแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ทำให้บ้านหอมสดชื่นและหมดปัญหากลิ่นน้องหมากวนใจได้นะคะ
และนอกเหนือจากกลิ่นต่างๆ ข้างต้นแล้ว ผู้เลี้ยงหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าสุนัขยังมีจุดต่างๆ ตามร่างกายที่เป็นแหล่งเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วย จะมีอะไรบ้างไปติดตามกันค่ะ
1.จุดเกิดกลิ่นบริเวณต่อมก้นของสุนัข
โดยปกติแล้ว สุนัขทุกตัวทุกสายพันธุ์จะมีต่อมก้น หรือต่อมเหม็นข้างทวารหนักของสุนัข (Anal Sacs) นะคะ ต่อมก้นของสุนัขนี้จะมีรูปร่างรีเป็นถุง 2 ข้างบริเวณใต้ผิวหนังข้างรูทวารหนัก ซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ ภายในต่อมก้นจะเก็บของเหลวที่มีลักษณะเหนียวข้น กลิ่นเหม็นคาวฉุนเอาไว้ หากสุนัขเกิดความกลัว ตกใจก็จะขับของเหลวที่อยู่ภายในออกมาส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งความผิดปกติของต่อมก้นมักพบในสุนัขพันธุ์เล็กมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ ได้แก่ ปั๊ก เฟรนช์ บูลด็อก ปอมเมอเรเนียน ชิสุ พุดเดิ้ล เป็นต้น
วิธีการจัดการ
ผู้เลี้ยงควรสำรวจและจัดการบีบต่อมก้นให้สุนัขอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของต่อมก้นไม่ให้เกิดการอักเสบ แต่ก็ต้องระวังไม่บีบแรงมากเกินไปนะคะเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบตามมาได้นั่นเองค่ะ เพียงแค่จับสุนัขให้อยู่นิ่ง สวมถุงมือเพื่อป้องกันของเหลวสุนัขเปื้อนมือ จากนั้นให้ผู้เลี้ยงเช็ดทำความสะอาดบริเวณรอบก้นของสุนัขด้วยทิชชู่ชุบน้ำอุ่น แล้วจึงใช้กระดาษทิชชู่วางแปะบนก้นสุนัข แล้วเอาหัวแม่มือกับนิ้วชี้วางไว้ 2 ข้างของต่อมก้น ค่อยๆ บีบของเหลวออกมาจากต่อมก้นให้หมด เสร็จแล้วก็ต้องไม่ลืมทำความสะอาดก้นสุนัขทุกครั้ง
2.จุดเกิดกลิ่นบริเวณใบหน้าสุนัข
จุดเกิดบริเวณใบหน้านั้น ส่วนใหญ่จะเกิดกับสุนัขที่มีใบหน้าสั้น มีรอบพับย่นบนใบหน้าเยอะ ตาโตโปนมีคราบน้ำตา และมีช่วงปากกว้าง ย้วยลงมาง่ายต่อการเปรอะเปื้อนน้ำลาย ซึ่งทั้งรอยพับย่นและคราบน้ำลายนั้นจะมีการหมักหมมของแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็น ซึ่งอาจส่งผลทำให้ผิวหนังบริเวณนี้เกิดการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียและเกิดเชื้อราได้อีกด้วย
วิธีการจัดการ
ผู้เลี้ยงควรทำความสะอาดเช็ดตามร่องรอยย่นพับบนใบหน้าของสุนัขเป็นประจำหลังอาบน้ำเสร็จทุกครั้ง โดยการใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำ หรือน้ำยาขจัดกลิ่นมาเช็ดร่องรอยย่นของสุนัข รอบกระบอกปาก ใต้คาง และ ใต้คอ โดยเช็ดซ้ำด้วยผ้าหรือสำลีแห้งอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอับชื้นอันเป็นสาเหตุของเชื้อรา หรือแบคทีเรีย
3. จุดเกิดกลิ่นบริเวณหูของสุนัข
ในช่องหูของสุนัขเป็นที่หมักหมมสิ่งสกปรก ทั้งเห็บ หมัด ไร ขี้หู ขี้ไคล เชื้อแบคทีเรีย เชื้อยีสต์ เป็นต้น โดยเฉพาะซึ่งสายพันธุ์สุนัขที่หูพับตก หรือ หูยาว อย่าง ค็อกเกอร์ สเปเนียล ปั๊ก บีเกิ้ล .... บอกเลยค่ะว่า เหม็นสุดๆ และถ้าผู้เลี้ยงปล่อยปละละเลยไม่ได้ดูแลอย่างสม่ำเสมออาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การอักเสบในรูหู และสูญเสียความสามารถในการได้ยินในท้ายที่สุด
วิธีการจัดการ
ให้ผู้เลี้ยงคอยทำความสะอาดเช็ดหูสุนัขหลังอาบน้ำให้แห้งสนิททุกครั้ง ในกรณีที่เป็นสุนัขหูยาวก็อาจจะต้องทำความสะอาดบ่อยมากขึ้นอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งค่ะ โดยให้ผู้เลี้ยงใส่น้ำยาสำหรับทำความสะอาดหูลงไปในช่องหู บีบนวดบริเวณโคนหูประมาณ 20-30 วินาที จากนั้นใช้สำลีชุบเช็ดช่องหูจนไม่พบว่ามีขี้หูเหลือและต้องแห้งสนิท เพียงเท่านั้นหูของสุนัขสุดรักก็ไร้กลิ่นพึงประสงค์แล้วล่ะค่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าสังเกตว่าหูน้องหมามีกลิ่นเหม็นมากกว่าปกติ มีน้ำในหู หรือ คัน ควรพาสุนัขไปพบแพทย์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนเป็นปัญหาเรื้อรังค่ะ (อ่านเพิ่มเติมบทความ ทำความสะอาดหูให้สุนัข
4. จุดเกิดกลิ่นบริเวณปากสุนัข
ปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของสุนัขเกิดมาจากการสะสมของคราบน้ำลายที่เปรอะตามขนบริเวณแผงคออาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน จนเกิดแบคทีเรีย คราบหินปูน และ ฟันผุ หากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสม จะทำให้เกิดกลิ่นปาก ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลหรือรักษากลายเป็นปัญหาเรื้อรังอาจทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อปริทันต์อย่างรุนแรง กรามหัก หรือเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดเป็นอันตรายถึงแกชีวิตได้ค่ะ
วิธีการจัดการ
ผู้เลี้ยงควรแปรงฟันให้สุนัขเป็นประจำเพื่อชะลอการเกิดคราบหินปูน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก ส่วนยาสีฟันที่ใช้ควรเป็นยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ เพราะไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่เป็นอันตรายกับสุนัข นอกจากนี้ ควรหาของเล่นที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่เหงือกและฟัน สามารถขัดฟัน ป้องกันคราบหินปูนให้แก่สุนัข และที่สำคัญผู้เลี้ยงควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพช่องปากกับสัตวแพทย์ทุก ๆ 6 เดือนนะคะ หากพบความผิดปกติจะได้รักษาได้ทันท่วงที
5. จุดเกิดกลิ่นที่ผิวหนังและขน
ผิวหนัง น้ำมันบนผิว และเส้นขนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำตัวของสุนัขเกิดกลิ่น ซึ่งกลิ่นตัวนี้จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นอยู่กับสายพันธุ์อย่างเช่น สุนัขสายพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ด บีเกิ้ล บูลด็อก ปั๊ก หรือ แม้แต่ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ จะมีกลิ่นสาบตัวที่ค่อนข้างแรงหากเทียบกับสุนัขสายพันธุ์บางแก้ว ดัลเมเชียน ไซบีเรียน ฮัสกี้ ด้วยเหตุนี้เอง เพียงแค่ขนอับชื้น มีปัญหาผิวหนังเพียงเล็กๆ น้อยก็อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
วิธีการจัดการ
การเลือกแชมพูสำหรับทำความสะอาดสุนัขกลิ่นตัวแรงควรเลือกแชมพูสูตรสำหรับสุนัขมีกลิ่นสาบโดยเฉพาะ ซึ่งมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิวหนังที่บอบบางและช่วยลดกลิ่นตัวของสุนัข ควรอาบอย่างมากสัปดาห์ละครั้งเพียงเท่านั้น ควรเช็ดตัว เป่าขนให้แห้งสนิท ไม่ควรอาบน้ำให้สุนัขบ่อยจนเกินไปเพราะผิวจะแห้งเป็นผื่นคันได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ จุดเกิดกลิ่นของสุนัขแต่ละจุดต้องดูแลอย่างดีเลยทีเดียว คลาดไปสักจุดก็อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นติดตัว ติดเสื้อผ้า ติดฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้ ซึ่งถ้าผู้เลี้ยงประสบกับปัญหาดังกล่าวอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะสามารถแก้ไขปัญหากลิ่นติดผ้าได้ง่ายๆ โดยการฉีดผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นบนผ้า แอมบิเพอร์ ซึ่งมีให้เลือกทั้ง 3 สูตรไม่ว่าจะเป็น สูตรแอมบิเพอร์ อาร์คติกา บรีซ สูตรแอมบิเพอร์ บลอสซั่ม แอนด์ บรีซ สูตร แอมบิเพอร์ แอนตี้ แบคทีเรีย ได้ตามความชื่นชอบ โดยสามารถมองหาและซื้อผลิตภัณฑ์นี้ได้จากแผนกผลิตภัณฑ์ซักผ้า เพื่อขจัดกลิ่นที่เกิดจากแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น เพียงเท่านี้โซฟา ผ้าปูที่นอน หรือ แม้กระทั่งเสื้อผ้าของเราก็หมดปัญหาจากกลิ่นตัวสุนัข และสามารถปล่อยให้พวกเขาในบ้านได้อย่างไร้ปัญหากวนใจค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.dogilike.com
กลิ่นตัวสุนัขมันเกิดได้หลายสาเหตุ สำหรับสัตว์ที่มีขนแล้วไม่ค่อยได้ทำความสะอากตัวเองก็ไม่น่าแปลก
ตอบลบ